
วันที่ 16 สิงหาคม 2568 นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว ระบุว่าตนกำลังถูกดำเนินการให้ออกจากราชการ จากกรณีที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อชุดตรวจ ATK ภายใต้โครงการ “แพทย์ชนบทบุกกรุง” ช่วงสถานการณ์โควิด-19
นพ.สุภัทร ระบุว่า การเป็นข้าราชการไทยต้องอยู่ในวัฒนธรรม “พูดให้น้อย ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น” หากต้องการความก้าวหน้า แม้ตนเองยังคงยืนยันที่จะแสดงความเห็นคัดค้านบางเรื่อง ทั้งในกระทรวงสาธารณสุขและในประเด็นสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด พร้อมเปิดเผยว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยกว่า 10 เรื่อง แต่ส่วนใหญ่จบลงด้วยการตักเตือนหรือภาคทัณฑ์ จนกระทั่งมีคำสั่งย้ายจากโรงพยาบาลจะนะมาที่โรงพยาบาลสะบ้าย้อย
เขาระบุด้วยว่า หลังคำสั่งย้าย ได้มีทีมตรวจสอบชุดใหญ่เข้ามาตรวจหาความผิด และนำไปสู่การตั้งข้อกล่าวหาว่าจัดซื้อ ATK ผิดระเบียบ เนื่องจากโรงพยาบาลจะนะมีการจัดซื้อ 5 ครั้งในช่วงเดือนกรกฎาคม–สิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ทีมแพทย์ชนบทต้องบุกกรุงเพื่อช่วยตรวจโควิด ขณะที่โรงพยาบาลอื่น ๆ ที่ร่วมกันจัดซื้อกลับไม่ถูกสอบสวน


“เราตรวจไปทั้งหมด 192,905 คน พบผู้ติดเชื้อและได้จ่ายยาไปกว่า 22,000 คน สิ่งที่ทำคือการรับมือสถานการณ์จริงที่กระทรวงไม่สามารถจัดหา ATK ได้ทัน ตอนนี้กลับถูกตั้งข้อหาว่าแบ่งซื้อแบ่งจ้างผิดระเบียบ และถูกชี้มติให้ผมออกจากราชการก่อน 30 กันยายนนี้” นพ.สุภัทร ระบุ
เขาย้ำว่า พยายามชี้แจงภายในระบบมาโดยตลอด ไม่ต้องการเปิดเรื่องต่อสาธารณะ แต่เมื่อถูกต้อนจนไร้ทางออก จึงจำเป็นต้องบอกความจริงให้ประชาชนรับรู้ พร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมให้ระบบราชการ “หากเชื่อมั่นในความเป็นผม เรามาสู้ด้วยกัน ระบบราชการต้องมีความเป็นธรรมกับทั้งข้าราชการและประชาชน ประเทศจึงจะมีความหวัง”


ต่อมา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ขอบคุณในทุกกำลังใจ เรายังสู้ไปด้วยกัน วันนี้พี่น้องจะนะเทพาสะบ้าย้อย เครือข่ายเพื่อนมิตรในสงขลา และหลายคนมาไกลกว่านั้น มาปรากฏกายให้กำลังใจที่หาดสวนกงจะนะ รวมทั้งที่ให้กำลังใจทางออนไลน์ทั้งเม้นท์ทั้งแชร์ทั้งโพสต์ช่วยอย่างเกินความคาดหมาย
ประเทศไทยไปไหนไม่ได้ไกลก็เพราะระบบราชการถูกมัดตราสังข์ด้วยระเบียบกฏเกณฑ์และการกดทับด้วยอำนาจ จนขยับตัวไม่ได้ พูดทักวิจารณ์ไม่ได้ ถ้าแหลมออกมาจะไม่มีความก้าวหน้า เมื่อผมตั้งใจมั่นในตัวตนของผมที่จะเป็นแบบนี้ ผมจึงเลือกอยู่โรงพยาบาลชุมชน ไม่ขอขยับตำแหน่งให้ก้าวขึ้นมาในจังหวัดในกระทรวง อยู่อำเภอไกลๆเพื่อให้มีเสรีภาพมีพี่น้องชาวบ้านที่พร้อมร่วมทุกข์ร่วมสุขในการทำหน้าที่ข้าราชการที่ไต่เส้นแห่งการทำประโยชน์ที่เข้าถึงผู้คนจริงๆ
ผมติด solar cell บนหลังคาโรงพยาบาลจะนะในปี 2560 โดยไม่ได้ขออนุญาตหลายขั้นตอนจากหลายหน่วยงาน นั่นก็ไต่เส้นกฏระเบียบ แค่วันนี้ระเบียบที่ว่านั้นคลายตัวทำได้สะดวกแล้ว ผมใช้รถตู้โรงพยาบาล เดินรถตู้ลดเหลื่อมล้ำจากสะบ้าย้อยมาส่งผู้ป่วยที่นัดที่โรงพยาบาลสงขลาทุกวัน เก็บเงินค่ารถคนละ 150 บาท นั่นก็มีคนตีความว่าผิด พรบ.ขนส่งทางบก! ผมก็ยัง งง งง ว่าผิดไหม แต่ชาวสะบ้าย้อยได้ประโยชน์มาก

โควิดระบาดหนัก ผมและแพทย์ชนบทรวมใจบุกกลุ่มถึง 3 รอบ 6-7 โรงพยาบาลแบ่งกันซื้อ ATK มาใช้ในการตรวจ เหนื่อยยากทั้งหน้างานและการจัดการหลังบ้าน ไม่ได้แบ่งซื้อแบ่งจ้าง แต่ซื้อไปทีละล็อตตามความจำเป็น โดยที่ไม่อาจประมาณการยอดใช้ทั้งหมดในอนาคตได้ เมื่อหมดก็สั่งเพิ่มเพื่อให้พอใช้ กลับถูกตีความโดยแคบว่าเป็นการแบ่งซื้อแบ่งจ้าง
ผม เคยให้ความเห็นคัดค้านการกระจายวัคซีนซิโนแวค แอสตร้า ลงสู่ รพ.สต. เป็นสิบล้านโดสในช่วงปี 2565 ซึ่งมีวัคซีนเหลือค้างสต๊อกในกระทรวงจำนวนมาก เสมือนการนำวัคซีนไปทิ้ง เพื่อให้ สธ.พ้นผิดจากข้อกล่าวหาว่าซื้อวัคซีนมาเกินจำเป็น ผลปรากฏว่า ผมถูกสอบวินัย และลงโทษภาคทัณฑ์ ว่าไม่ให้วิจารณ์นโยบายของกระทรวงอีก ทั้งหมดนี้ตัวอย่างบางส่วน ที่ชี้ให้เห็นว่า ระบบราชการในวันนี้มีปัญหาในตัวเองอย่างมาก ต้องการการปฏิรูประบบอย่างจริงจังและลงรายละเอียด มิเช่นนั้น ระบบราชการก็จะเป็นเพียงกลไกที่ไม่อาจแก้ปัญหาอะไรได้ เช่นนี้แล้วประเทศชาติจะเดินหน้าได้อย่างไร

สำหรับผมผมอยากจะให้พลังของการให้กำลังใจของผมในครั้งนี้ ส่งพลังจากทุกท่านไปสู่เป้าหมายของการปฏิรูประบบราชการ ซึ่งยากมาก แต่เป็นโจทย์ใหญ่ที่สังคมไทย พรรคการเมือง และทุกๆคนต้องช่วยกันให้สำเร็จ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้มา สำหรับเรื่องความไม่เป็นธรรมทางวินัยที่ผมได้รับนั้น ผมสู้เต็มที่แน่นอน เราสู้ไปด้วยกันนะครับ ขอบคุณครับ

ขณะเดียวกัน เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair) เรียกร้องคืนความเป็นธรรมให้ นพ.สุภัทร
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568เครือข่ายรัฐสวัสดิการออกแถลงการณ์เรียกร้อง คืนความเป็นธรรมให้ นพ.สุภัทร และคุ้มครองการเข้าถึงสิทธิการรักษาของประชาชน
จากกรณีที่นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความผ่านทางเพจ ‘นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ’ ว่ากำลังจะถูกให้ออกจากราชการ จากผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขที่อาศัยช่องว่างของระเบียบกฎหมายเป็นเครื่องมือตรวจสอบทางวินัย
กรณีการระดมทรัพยากร กำลังของบุคลากรทางการแพทย์จากทุกภูมิภาคเข้าช่วยเหลือประชาชนในกรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. 2564 จากภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ คือบุคลากรทางการแพทย์ผู้ทุ่มเทเพื่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่โรงพยาบาลต่าง ๆ ขาดทรัพยากรจากการบริหารของรัฐบาลในขณะนั้น ทำให้ประชาชนจำนวนมากถูกละเลยสิทธิและเข้าไม่ถึงการตรวจรักษา
นพ.สุภัทร ได้มีการนำการตรวจคัดกรองเชิงรุก (แพทย์ชนบทบุกกรุง) เข้าช่วยเหลือประชาชนในกรุงเทพฯ ทำให้ประชาชนกว่า 192,905 คน ได้เข้าถึงสิทธิในการรับการตรวจ และผู้ติดเชื้อกว่าสองหมื่นคนได้รับยารักษาอย่างทันท่วงที
ท่ามกลางสภาวะที่รัฐไม่สามารถจัดสรรทรัพยากรได้ทันต่อสถานการณ์ นพ.สุภัทร ได้ยืนยันในหลักการพื้นฐานว่าสุขภาพเป็นสิทธิของทุกคน การที่แพทย์ผู้ยืนหยัดปกป้องสิทธิของประชาชนกลับถูกตีความว่ากระทำผิดทางวินัย จึงไม่ใช่เพียงความอยุติธรรมต่อบุคคลเท่านั้น
แต่คือการทำลายหลักประกันสิทธิด้านสุขภาพและการเข้าถึงสิทธิการรักษาของประชาชนอีกด้วย หากยังปล่อยความไม่เป็นธรรมดำเนินต่อไป ย่อมส่งผลให้บุคลากรที่ยืนหยัดเพื่อสิทธิของประชาชนถูกทำลาย และผู้ที่สูญเสียโอกาสคือประชาชนผู้ควรได้รับการคุ้มครองจากรัฐ
เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair) ขอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยต่อกรณีดังกล่าวที่กำลังดำเนินการทางวินัยร้ายแรง ในการผลักดันให้นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ พ้นจากตำแหน่งข้าราชการ นอกจากเป็นความไม่เป็นธรรมที่กระทำต่อข้าราชการ ยังสะท้อนว่าโครงสร้างราชการยอมให้กลไกทางกฎหมายถูกบิดเบือนเป็นเครื่องมือกำจัดคนที่ไม่สยบยอมต่ออำนาจและผลประโยชน์ของบางกลุ่มอีกด้วย
เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair) จึงขอเรียกร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้คืนความเป็นธรรมแก่นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ด้วยการเปิดเผยผลการสอบสวนอย่างโปร่งใสต่อสาธารณะเพื่อให้สังคมได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาต่อการทำหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบฯ
และขอเชิญชวนภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และภาคส่วนต่าง ๆ ร่วมกันแสดงจุดยืนต่อต้านและต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับบุคลากรทางการแพทย์ผู้ปฏิบัติงานที่ยืนหยัดเพื่อสิทธิในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของประชาชนอย่างเท่าเทียม



ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายภาคประชาสังคมสายสาธารณสุขเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมให้ 'หมอสุภัทร' จากรณีถูกตั้งเรื่องสอบแบ่งจัดซื้อชุดตรวจ ATK มาช่วยตรวจในกรุงเทพช่วงการระบาดโควิด-19 ปี 64 โดยที่ไม่เคยเรียกเจ้าตัวไปชี้แจงให้ข้อมูล เครือข่ายเรียกร้องขอให้เปิดผลสอบสวนให้ความเป็นธรรม พรุ่งนี้เตรียมยื่นหนังสือถึง 'ภูมิธรรม' ที่ทำเนียบ 10 โมง
#ข่าว #หมอสุภัทร #ทวงความยุติธรรม #ปมATK #โควิท #เตรียมยื่นหนังสือถึงรักษาการนายกรัฐมนตรี #ภาคประชาสังคมร่วมให้กำลังใจ #ThePoligensNews
