เวทีผู้หญิงและความมั่นคงทางสังคม"ชายแดนใต้"

บทบาทสตรีชายแดนใต้ :ในกระบวนการสันติภาพที่กำลังดำเนินอยู่ สตรีไม่ควรถูกเรียกร้องแค่ให้ “เข้าร่วม” หรือ “เป็นตัวแทน” แต่ควรได้รับการออกแบบให้มีส่วนร่วมเชิงโครงสร้าง ตั้งแต่ระดับครัวเรือน องค์กรชุมชน ไปจนถึงโต๊ะพูดคุย/เจรจาอย่างแท้จริง พร้อมกับการขจัดอคติทางเพศ ความกลัวจากใครก็แล้วแต่และการมองข้ามศักยภาพของพวกเธอในฐานะ “ผู้เปลี่ยนแปลง” ไม่ใช่แค่ “ผู้ถูกเปลี่ยน” เพียงแต่สำหรับสตรีมุสลิม มีกฎ กติกามารยาทที่หลักการอิสลามได้วางไว้ ซึ่งมิใช่เพื่อกดทับ กีดกัน แต่ต้องการปกป้อง เกียรติของนาง เพื่อป้องกันฟิตนะห์ต่างๆในโลกเชิงประจักษ์ที่เราเห็นผ่านโซเซียลทุกวี่ทุกวัน ต่างหาก ดังนั้นข้อเสนอของผู้เขียนคือ การจัดทำคู่มือ : มุสลิมกับมุสลิมะห์ในการขับเคลื่อนสันติภาพ (นอกบ้าน) เพื่อเป็นกรอบทั้งตัวเขา และองค์กรทั้งภายในและภายนอก และต่างประเทศ


ข้อเสนอแนะของผู้เขียนในเวที วิจัย “ผู้หญิงและความั่นคงทางสังคม”ชายแดนใต้ 24 เมษายน 2568 ณ โรงแรมซีเอส อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
จัดโดย มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ในภารกิจ “ผู้หญิงกับการพัฒนา (Women and Development) และเพศสภาพกับการพัฒนา (Gender and Development)” ซึ่งเป็นกรอบแนวคิดหลักในการศึกษาเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาสังคมที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยการนำศาสตร์ด้านสตรีศึกษาซี่งสัมพันธ์กับโครงข่ายความรู้ทางสังคมศาสตร์และสหวิทยาการใช้เสริมศักยภาพและดึงความสามารถของผู้หญิง ตลอดจนนำพลังของผู้หญิงมาใช้ในการดำเนินงานพัฒนามิติต่างๆ เช่น การเคลื่อนไหวเพื่อรักษาสมดุลของสภาวะแวดล้อม นับเป็นการสนองตอบต่อสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรและรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดการใช้สอยอย่างยุติธรรมและยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติอันสัมพันธ์กับความต้องการเชิงยุทธศาสตร์ที่มากขึ้นของผู้หญิง (strategic gender needs of women) รวมทั้งประเด็นสำคัญอื่นๆ ในงานพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ อาทิ การจัดบริการสุขภาพและความสามารถในการเข้าถึงสวัสดิการขั้นพื้นฐาน เข้าใจและเข้าถึงสิทธิพลเมืองหญิง เป็นต้น


กรอบแนวคิดข้างต้นมีการศึกษาวิเคราะห์เพื่อนำไปกำหนดใช้เชิงนโยบาย อย่างไรก็ตาม นักวิชาการด้านสังคมศาสตร์และสตรีศึกษาได้วิพากษ์วิจารณ์เพื่อชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดและประเด็นที่จำเป็นต่อการขบคิดเพื่อพัฒนาต่อเนื่อง โดยเฉพาะการวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกันและโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับภาคปฏิบัติ ด้วยเหตุนี้ แผนการยกระดับความเสมอภาคทางเพศและสถานะของผู้หญิงจึงต้องสอดรับกันระหว่างข้อเสนอเชิงนโยบายกับแผนปฏิบัติการจริง (policies to meet practical gender needs) ผ่านการจัดการความรู้ พัฒนาทักษะใหม่ ที่มาจากการวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมตามกรอบแนวคิดที่ได้จากการศึกษา รวมทั้งสอดคล้องกับบริบทของแต่ละสังคม
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์มีภารกิจหลักเพื่อสร้างความรู้ทางวิชาการและนวัตกรรม มีเป้าหมายของการเป็นแหล่งความรู้ที่ผ่านงานวิจัยหรือการศึกษาอย่างเป็นระบบและมีระเบียบในทางวิชาการ ตลอดจนมุ่งบริการความรู้สู่ชุมชนรวมทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน ดังนั้น การยกระดับและต่อยอดองค์ความรู้ผ่านชุดคำอธิบายใหม่อันสัมพันธ์กับความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่มุ่งเน้นไปยังการสร้างความมั่นคงของมนุษย์อย่างยั่งยืน รวมทั้งทิศทางการปรับตัวของประเทศไทยตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
งานในด้านผู้หญิงกับความมั่นคงทางสังคม จึงมีความสำคัญที่จะต้องเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง ดังเห็นได้จากสถานการณ์บ้านเมืองและข่าวสารประจำวันที่สะท้อนภาพสังคมไทยเผชิญกับปัญหาผู้หญิงถูกล่วงละเมิดทางเพศ ผลกระทบจากความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ที่มีต่อภาวะความยากลำบากในการดำรงชีวิตทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจ การศึกษาของผู้หญิงและเด็ก และการถูกกระทำความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ อันเนื่องมาจากการเลือกปฏิบัติด้วยเงื่อนไขของเพศสภาพ นำมาซึ่งสังคมที่ไร้เสถียรภาพและความมั่นคง


ภาพประกอบ การแสดงพลังของผู้หญิงชายแดนใต้ ในงานมลายูรายอ
ในฐานะองค์กรธรรมรัฐและเพื่อตอบโจทย์วิสัยทัศน์ของสถาบันว่าด้วย “การเป็นหลักในถิ่น เป็นเลิศสู่สากล” บุคลากรมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ทั้งอาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย และนักศึกษา ที่ให้ความสนใจและมุ่งมั่นในการพัฒนางานทั้งมิติความเสมอภาคทางเพศ การพัฒนาผู้หญิง ความมั่นคงของมนุษย์และสังคมร่วมกันวางทิศทางการงานวิชาการอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับภูมิภาค ประเทศ และนานาชาติ เช่น การพัฒนางานบริการวิชาการร่วมกับภาคประชาสังคมภาคใต้ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักข่าวชายแดนภาคใต้ และ Oxfam มีการเขียนและร่วมนำเสนอรายงานคู่ขนานของประเทศไทยที่กรุงเจนีวา ตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ (CEDAW) ปี 2560
รวมทั้งการวิจัยและสอนในวิชาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นศักยภาพผู้หญิงและเพศสภาพ ได้แก่ เพศกับสังคม ผู้หญิงกับการเมือง และสตรีศึกษา ด้วยเหตุนี้ การก่อตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านผู้หญิงและความมั่นคงทางสังคม จึงนับเป็นก้าวย่างสำคัญที่มหาวิทยาลัย สามารถตอบสนองและดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาชาติได้อย่างทันท่วงที สอดรับกับบริบทสังคมที่ต้องการแหล่งข้อมูล ความรู้อันเที่ยงธรรม รวดเร็ว และแม่นยำ เพื่อถมช่องว่างที่สังคมขาดการเชื่อมโยงข้อมูลอย่างรอบด้าน การวิเคราะห์และเรียงร้อยให้เห็นถึงสถานะ บทบาท และสภาวะของผู้หญิงที่สำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศชาติ และสอดรับกับความ
ด้าน “บาบอฮุสณี บินหะยีคอเนาะ” ได้กล่าวไว้ในเวที ถึงความสำคัญของสตรีในอิสลาม พร้อมฝากกำลังใจสำหรับกลุ่มสตรีที่อาสาขับเคลื่อนการแก้ปัญหาและพัฒนาชายแดนใต้ โดยระบุว่า ในคัมภีร์อัลกุรอ่านให้ความสำคัญกับสตรีอย่างเข้มข้น -มีการกล่าวคำว่าบุรุษ 24 ครั้ง -และกล่าวคำว่าสตรี 24 ครั้งเช่นกัน -อัลลอฮยังให้เกียรติแก่สตรีโดยการตั้งชื่อซูเราะห์บทหนึ่งชื่อว่า อันนี้ซาอ์ คือ(บรรดาสตรี)ในขณะที่ไม่ได้มีสำหรับผู้ชาย -อัลลอฮสร้างสตรีมีอวัยวะหนึ่งพิเศษกว่าผู้ชาย คือ มดลูก และพระองค์ตั้งประทานชื่อมดลูกนั้นใน อัลกุรอ่านว่า“รอฮิม”(ผู้เมตตา)เป็นหนึ่งในชื่อพระองค์.. -คำภีร์อัลกุรอ่านของอิสลามหนึ่งเดียวที่ให้เกียรติและยกย่องสัตรีอย่างเป็นทางการ ขอบคุณบรรดาสตรีที่ออกมามีบทบาทขับเคลื่อนสังคมในเชิงบวก+++ #เธอยอดเยี่ยมกว่าผู้ชายหลายๆคนเลยครับ
เขียนและเรียบเรียงโดย อ.ซูโกร์ ดินอะ
#บทบาทสตรีชายแดนใต้ #การมีส่วนร่วม #กระบวนการสันติภาพ #ผู้หญิงกับความมั่นคงทางสังคม #ThePoligensNew