ถอดรหัส “อันวาร์” ออกตัวเสนอขอเป็น “คนกลาง” ดับไฟใต้

โดย.ตูแวดานียา ตูแวแมแง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ระหว่างการเยือนพบปะผู้นำศาสนา และนักเรียนที่โรงเรียนปอเนาะมูลนิธิอิสลามกลันตัน ในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย

ดาโต๊ะสือรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซียและประธานอาเซียน ได้กล่าวออกสื่อสาธารณะออกตัวเสนอขอเป็นคนกลางในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับ BRN

ท่ามกลางกระแสสูงของสังคมไทยกำลังวิพากษ์วิจารณ์ต่อบทบาทการเป็นคนกลางของประเทศมาเลเซีย โดยการนำของ "อันวาร์" ในฐานะบทบาทการเป็นประธานอาเซียน ต่อกรณีความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา

ทั้งๆที่ตลอดช่วงเวลาของความขัดแย้งที่ชายแดนใต้ของประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การรับรู้ของผู้คนทั่วไปนั้น ประเทศมาเลเซียก็มีบทบาททำหน้าที่เป็น "คนกลาง" อยู่แล้ว

แต่อยู่ๆทำไมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา "อันวาร์ อิบราฮิม" นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซียและประธานอาเซียน ถึงได้ออกมาพูดว่าตนขอเป็นคนกลางทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยระหว่างรัฐบาลไทยกับ BRN เสมือนว่าในความเข้าใจของ "อันวาร์" ต่อความขัดแย้งชายแดนใต้ตลอดมานั้น มาเลเซียยังไม่เคยทำหน้าที่เป็นคนกลางเลย

จังหวะก้าวการขยับด้วยตัวเองของ "อันวาร์" ที่เหลือเวลาอีกแค่ 4 เดือนเท่านั้นจะหมดวาระการเป็นประธานอาเซียน โดยการเลือกเคลื่อนไหวในพื้นที่อิทธิพลทางการเมืองของ "พรรคปาส" ที่ในชั่วโมงนี้ขนาดเด็กมัธยมก็ยังรู้ว่า พิ้นที่อิทธิพลทางการเมืองของพรรคปาสก็คือพื้นที่ที่เป็น "แหล่งพักพิง" ของบรรดา "คณะผู้นำ" ของ " องค์กรลับ" BRN นั่นเอง

การขยับครั้งนี้ของ "อันวาร์" เสมือนเป็นการ "เคาะประตู" ตรงหน้าบ้านของบรรดาคณะผู้นำ BRN อย่างไรอย่างนั้นเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคงไม่ใช่เป็นแค่ "อีเว้นท์" ตื้นๆเพื่อสร้างกระแสข่าวเรียกความนิยมแบบปกติวิสัยอย่างแน่นอน

  • อะไรคือ "แรงจูงใจ" ที่ "อันวาร์" ต้องเดินทางจากทำเนียบรัฐบาล "ปุดตราจายา" มาถึงประตูหน้าบ้านของบรรดาคณะผู้นำ BRN ในครั้งนี้

1 สะท้อนว่าการสื่อสารของ "ภูมิธรรม" ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมเมื่อสองสามเดือนที่แล้วว่า ต้องการเจรจากับ "ผู้นำ BRN ตัวจริง" ในความหมายที่พยายามจะสื่อว่า คณะพูดคุย BRN ที่นำโดย "อุสตาสหีพนี" นั้น ยังไม่ใช่ผู้นำตัวจริง หรือไม่ และในทัศนะของ "อันวาร์" ในชั่วโมงนี้นั้น คณะผู้นำตัวจริงของ BRN ก็คือ "คณะบุคคลกลุ่มหนึ่งที่มีบทบาทในโครงสร้างผู้นำองค์กรลับ BRN ซึ่งอาศัยพักพิงอยู่ในพื้นที่อิทธิพลของพรรคปาส นั่นเอง

2 สะท้อนว่า "สถานะ" พรรคปาสในทัศนะของ "อันวาร์" ต่อมิติปัญหาความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น คือ "เจ้าของบ้าน" และ BRN คือ "ผู้อาศัย" ในทางการเมืองแล้วถ้าเจ้าของบ้านไม่ได้ประโยชน์ใดๆเลย กับความมุ่งหวังของ"อันวาร์" ในฐานะ "ผู้นำประเทศ" ที่ต้องการจะเข้าหาให้ถึงตัว "คณะผู้นำ BRN" ก็สมเหตุสมผลแล้วหากพรรคปาสจะมีท่าทีแบบ "เอาหูไปนา เอาตาไปไร่" เป็น "ทองไม่รู้ร้อน" เหมือนท่าที "ปกติวิสัย" ที่พรรคปาสเคยปฎิบัติกันมาทุกยุคทุคสมัย

3 สะท้อนว่า "อันวาร์" ในฐานะที่เป็น "นายกรัฐมนตรี" และ "ประธานอาเซียน" ให้เกียรติ "คณะผู้นำ BRN" และให้การ "ยอมรับ" สถานะการเป็น "องค์กรลับ" ของ BRN ค่อนข้างมากเลยทีเดียว ซึ่งผู้นำประเทศมาเลเซียท่านอื่นๆในอดีตไม่เคยมีใครเคยทำแบบนี้

4 "อันวาร์" เลือกที่จะพูดว่าขอเป็น "คนกลาง" ในขณะที่ "ดาโต๊ะราบิน" ซึ่งอันวาร์เองเป็นคนแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ "ผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุย" สะท้อนว่าในทัศนะของอันวาร์นั้น การเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุย "ไม่เท่ากับ" การเป็นคนกลาง และการที่ "มาเลเซีย" เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยนั้น ไม่โอเคเท่ากับการเป็นคนกลางหรือไม่ และในความเข้าใจของอันวาร์นั้น การเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยกับคู่ขัดแย้งที่มีความเป็นองค์กรลับแบบ BRN นั้น ถ้าใช้บริการกลไกการเข้าหาเข้าถึงตัวคณะผู้นำด้วย "ทางเปิด" แบบให้มีการประกาศตั้งโต๊ะ ประกาศตั้งคณะพูดคุย เหมือนที่เคยๆทำกันมา แน่นอนว่า "ไม่มีวัน" ที่คณะผู้นำตัวจริงของ BRN จะเปิดโอกาสให้เข้าถึงตัวได้ง่ายๆ หรือถ้าเข้าถึงตัวแล้ว ระบบองค์กรลับก็จะทำการ "ตัดตอน" ปลดกลางอากาศทันที กลายเป็นอดีตผู้นำหรือผู้บริหารในทันที หรือไม่

4 นัยยะจากการขยับในพื้นที่อิทธิพลของพรรคปาสครั้งนี้ของ "อันวาร์" โดยสรุปแล้ว อาจจะสะท้อนภาพใหญ่ๆว่า "อันวาร์" กำลังสื่อสารตรงๆไปยัง "คณะผู้นำตัวจริง" ของ BRN ที่ดำรงสถานะ "ปิดลับ" ในระบบ "องค์กรลับ" ซึ่งอันวาร์เองอาจจะยังไม่รู้ชัดเจนว่า เป็นใครบ้าง มีจำนวนกี่คน และมีที่พักอาศัยอยู่ตรงพิกัดที่ไหนบ้าง และอันวาร์เองก็น่าจะประเมินได้ว่า พรรคปาสเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

หน้าที่ในการเข้าหาเข้าถึงคณะผู้นำตัวจริง BRN คงต้องเป็นหน้าที่ของอันวาร์เองที่จะต้องคิดค้นออกแบบให้เป็นที่ "ไว้เนื้อเชื่อใจ" แต่การที่พรรคปาสตอบรับการเสนอผลประโยชน์ทางการเมืองจาก "นายกรัฐมนตรี" เอง ก็พอที่จะทำความเข้าใจได้ว่า ถัดจากนี้ไปพรรคปาสคงจะไม่เปิด "ไฟแดง" ให้กับ "อันวาร์" ในการพยายามเข้าหาเข้าถึงคณะผู้นำ BRN แม้ว่าพรรคปาสจะไม่มีศักยภาพในการ "เข้าถึง" ก็ตาม

ที่แน่ๆการที่ "อันวาร์" ขยับแบบนี้ อาจเป็นการสะท้อนนัยยะสำคัญว่า การ"ดับไฟใต้" ด้วยกระบวนการสันติภาพนั้น การใช้แนวทางแบบ "กระบวนการสันติภาพสากล" แบบ "Initiative Berlin" นั้น ผลลัพธ์สูงสุดที่ได้ก็คือ แค่เพียงเป็น "การรักษา" กระแสว่า "โต๊ะพูดคุย" ยังมีอยู่ โต๊ะพูดคุยยังไม่ล่มนะ ส่วนจะนำไปสู่ข้อตกลงสันติภาพ หรือ ยุติความรุนแรงได้หรือไม่ ก็ต้องใช้ความอดทนรอหน่อยนะ อย่าใจร้อน บลาๆๆ

ชั่วโมงนี้ Initiative Berlin ในทัศนะของ"อันวาร์"นั้น ถ้าพูดแบบตรงไปตรงมา แบบไม่ต้องรักษาน้ำใจกัน ก็คงต้องพูดเหมือนกับ"ท่านเนวิน"เคยพูดกับอดีตนายกทักษิณว่า"มันจบแล้วครับนาย"นั่นเอง

วิเคราะห์โดย ตูแวดานียา ตูแวแมแง เลขาธิการสมาคมเพื่อสันติภาพภาคประชาชน

ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก Fb : Penerangan PAS PN Dengkil

#ข่าวการเมือง #บทความ #นายกมาเลเซีย #อันวาร์ #เสนอตัวเป็นคนกลาง #ปัญหาชายแดนใต้ปาตานี #ตูแวดานียา #กระบวนการพูดคุย #สันติภาพสันติสุข #เลขาธิการสมาคมเพื่อสันติภาพภาคประชาชน #ThePoligensNews

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *