
แถลงการณ์ ตั้งคำถามต่องานสื่อสารอินโฟกราฟิก เปรียบเทียบบริบทกัมพูชากับจังหวัดชายแดนใต้ ของกอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า กำลังมุ่งสร้างความเกลียดชังและอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่ลุกลามมากขึ้นหรือไม่
จากที่ปรากฏเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เฟซบุ๊กแฟนเพจ “กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า” ได้เผยแพร่ชิ้นงานสื่อสารรูปแบบอินโฟกราฟิก (Infographic) หัวข้อ “ความเหมือนที่ลงตัวระหว่างเขมร และ BRN” 1 โดยเนื้อหาของชิ้นงานดังกล่าวเป็นตารางเปรียบเทียบระหว่างประเทศกัมพูชาและขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี หรือกลุ่ม BRN ซึ่งกล่าวหาว่าทั้งสองมีความเลวร้ายเหมือนกันอย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม มูลนิธิผสานวัฒนธรรมตั้งคำถามต่อชิ้นงานดังกล่าวถึงความเหมาะสมว่าหน่วยงานรัฐที่ทำหน้าในการจัดการปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนใต้ที่มีมากว่า 20 ปี กำลังมุ่งสร้างความเกลียดชังต่อฝ่ายตรงข้ามกับตน และด้อยค่าชีวิตและเสียงของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางอาวุธ รวมถึงเชื่อมโยงไปยังความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาอย่างผิดฝาผิดตัวหรือไม่
อินโฟกราฟิกของ กอ.รมน. ภาค 4 ชิ้นนี้ นำเสนอแง่มุมจากหน่วยงานของตนเองโดยมีลักษณะไปในทางกล่าวถึงกลุ่มขบวนการ BRN และประเทศกัมพูชา ทว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่มีการนำเสนอข้อเท็จจริง ไม่มีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลหรือแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ มีเพียงข้อกล่าวอ้าง ที่อาจทำให้เกิดคำถามว่าเนื้อหาดังกล่าวเกิดจากการให้ข้อมูลที่บิดเบือน (Disinformation) หรือไม่ และเป็นการจงใจกล่าวหาเพื่อมุ่งให้เกิดผลทางความรู้สึกในลักษณะสร้างความเกลียดชัง
ในตอนหนึ่งของเนื้อหาที่กล่าวว่า ขบวนการ BRN “เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาความมั่นคงโดยไม่มีเงื่อนไข” โดยเปรียบเทียบกับฝ่ายกัมพูชาที่มีการเรียกร้องให้ปล่อยตัวเชลยศึกโดยไม่มีเงื่อนไข ข้อความดังกล่าวนำ คำว่า “ผู้ต้องหา” กับ “เชลยศึก” มาเปรียบเทียบกันอย่างผิดฝาผิดตัว
เพราะผู้ต้องหาในคดีอาญาเป็นผู้ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายที่ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์เสมอจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด นำมาเปรียบเทียบกับ “เชลยศึก” ในสงครามรูปแบบเดิมซึ่งมีความคิดว่าเป็นศัตรูที่เลวร้าย การกล่าวว่าสิทธิในการได้รับการประกันตัวและสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่มีความชอบธรรมนั้นขัดกับหลักนิติธรรมในประเทศ และหลักสากลระหว่างประเทศที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นสากลและตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญไทย
นอกจากนี้ ยังมีส่วนหนึ่งของเนื้อหาที่เหมารวมผู้ที่เสียชีวิตจากการฆ่านอกระบบกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่ (extra-judicial killing) ว่าทุกกรณีเป็นกลุ่มขบวนการและมีการต่อสู้เจ้าหน้าที่ ตามข้อความที่ระบุทำนองว่ากลุ่ม BRN “ต้องการให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิตจากการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อขยายภาพแสวงผลประโยชน์จากการแห่ศพ จากนั้นเข้าพูดคุย ยุยงกับครอบครัวผู้ก่อเหตุรุนแรงว่าการเสียชีวิตเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ”
การกล่าวเช่นนี้เป็นการเหมารวมประชาชนในพื้นที่อย่างยิ่ง เพราะต้องคำนึงว่าการฆ่านอกระบบเหล่านี้มักจะไม่ได้รับการตรวจสอบ และยังเคยมีกรณีที่ศาลสั่งลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐว่าฆาตกรรมประชาชน รวมถึงไม่เคยมีการพิสูจน์ว่าบุคคลที่ถูกทำให้เสียชีวิตเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงที่แท้จริงหรือไม่ และหากเป็นผู้กระทำผิดที่ก่อเหตุความรุนแรงจริงก็ต้องนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไปตามหลักนิติธรรมของรัฐ
การกล่าวในลักษณะนี้ยังเป็นการด้อยค่าบุคคลที่เสียชีวิตรวมถึงครอบครัว และด้อยค่าพิธีกรรมการฝังศพตามศาสนาของประชาชนว่าเป็นไปเพื่อเหตุผลทางการเมืองเท่านั้นอีกด้วย ในฐานะหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่โดยตรงในการจัดการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เพื่อสันติภาพอย่างยั่งยืน
กอ.รมน. ภาค 4 ควรทบทวนการจัดทำเนื้อหาในลักษณะดังกล่าวที่นอกจากจะไม่นำไปสู่ทางออกในการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนใต้อย่างสันติวิธีที่ทุกฝ่ายเรียกร้อง ยังอาจเป็นเครื่องมือที่ทำให้ปัญหายิ่งทวีความรุนแรงจนยากจะแก้ไข
- ผู้ที่ต้องเผชิญกับความรุนแรงตั้งแต่ 20 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันไม่ใช่คนกลุ่มใดแต่เป็นประชาชนในพื้นที่ และหากในอนาคตหากรัฐยังไม่สามารถทำงานอย่างมืออาชีพและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธีนี้ได้ ผู้ที่ต้องแบกรับความเสียหายและผลกระทบก็ยังคงเป็นประชาชน เพราะรัฐไทยไม่เคยถูกด้อยค่าด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนหรือองค์กรใดได้ แต่ศักดิ์ศรีของรัฐไทยอาจถูกลดทอนลงหากหน่วยงานรัฐด้านความมั่นคงไม่มีความเป็นมืออาชีพในการนำนโยบายสันติภาพให้เป็นจริงในทางรูปธรรม
แถลง ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2568 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม https://www.facebook.com/share/p/16jbCEHXZS/

โพสต์ กอ.รมน.ภาค4ส่วนหน้า ข้อความพร้อมภาพอินโฟ ประกอบ ดังนี้-
ความเหมือนที่ลงตัว ระหว่าง เขมร และ BRN
ใช้อาวุธเข่นฆ่าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธ์
ลอบวางและใช้กับระเบิดแบบเหยียบ
ปล่อยข่าวลวงโกหกบิดเบือนให้ร้ายรัฐบาลไทย
โฆษณาชวนเชื่อปลุกเร้าให้ประชาคมโลกเข้ามามีส่วนร่วมในสถานการณ์
เรียกร้องให้ปล่อยตัวเชลยศึกโดยไม่มีเงื่อนไข
เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาความมั่นคงโดยไม่มีเงื่อนไข
ผู้นำประเทศมีที่มาของเงินอย่างผิดกฎหมายและขัดต่อศีลธรรม เช่น บ่อนการพนัน,แก๊งคอลเซนเตอร์
ที่มาของเงินของกลุ่มขบวนการได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย เช่น การค้ายาเสพติด,การค้าของเถื่อนฯลฯ
บิดเบือนประวัติศาสตร์ บ่มเพาะ สร้างความเกลียดชังรัฐไทยแก่ประชาชนตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน
ใช้กลุ่มแนวร่วมหรือ NGO ทั้งในและต่างประเทศร่วมสร้างคอนเทนต์ด้อยค่ารัฐบาลไทย
ได้รับเงินสนับสนุนจากต่างชาติแต่ถูกระดับผู้นำคอรัปชั่น เช่น เงินช่วยเหลือในการเก็บกู้ระเบิดจากนานาชาติ
ได้รับเงินสนับสนุนจากกลุ่มแนวร่วมทั้งในและต่างประเทศแต่บางส่วนถูกผู้นำขบวนการนำไปใช้จ่ายส่วนตัว
กล่าวหาประเทศไทยเป็นพวกล่าอาณานิคมยึดครองดินแดน
เป็นผู้เริ่มและสร้างความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ไม่ใส่ใจทหารของตนเองเมื่อเสียชีวิต เช่น ไม่เก็บศพ,ไม่ดูแลครอบครัวทหารที่เสียชีวิต จากนั้นเข้าพูดคุย ยุยงกับครอบครัวทหารว่าการเสียชีวิตเกิดจากการกระทำของทหารไทย
ต้องการให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิตจากการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อขยายภาพแสวงผลประโยชน์จากการแห่ศพ จากนั้นเข้าพูดคุย ยุยงกับครอบครัวผู้ก่อเหตุรุนแรงว่าการเสียชีวิตเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
#แม่ทัพภาคที่4 #แม่ทัพไพศาล#ศูนย์ประชาสัมพันธ์ #กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า
ลิงค์โพสต์ เพจ กอ.รมน.https://www.facebook.com/share/p/14KhV2FLYwD/
#ข่าว #มูลนิธิผสานวัฒนธรรม #อินโฟกราฟฟิก #กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า #เปรียบเทียบ #บริบทกัมพูชา #จังหวัดชายแดนภาคใต้ #ThePoligensNews