
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลา 17:00 น. ณ สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส โดยมีนายวิทวัศ ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานกล่าวเปิดพิธี
กิจกรรมแข่งขันกีฬาฟุตบอลสานสัมพันธ์ “4ส15 และ 4สใต้” เนื่องด้วย 4ส.15 มีโปรแกรมการศึกษาดูงาน ทั้ง 4 ภาค ของประเทศไทย ซึ่งในครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 4 ในพื้นที่ (สามจังหวัดชายแดนภาคใต้) ในระหว่างวันที่ 14-17 สิงหาคม 2568 หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 15 ร่วมกับหลักสูตรวุฒิบัตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สถาบันพระปกเกล้า จึงได้จัดการแข่งขันกีฬาขึ้น ในวันเสาร์ ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2568 ณ สนามกีฬากลางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส


ดร.มูฮำมัด หะยีแวฮามะ กล่าวว่า กิจกรรมแข่งขันกีฬาฟุตบอลสานสัมพันธ์ “4ส.15 และ 4ส.ใต้” ในวันนี้ หลักสูตรวุฒิบัตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ 4ส.ใต้ ได้ดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลเชื่อมสัมพันธ์ ในโครงการศึกษาดูงานครั้งที่ 4 (สามจังหวัด ชายแดนภาคใต้) ของหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 15 ซึ่งจัดขึ้น ในวันเสาร์ ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2568 ณ สนามกีฬากลางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1.เพื่อเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกาย ให้มีสุขภาพ พลานามัยแข็งแรง 2.เพื่อสร้างความสามัคคีระหว่างรุ่น และสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในหมู่คณะ การแข่งขันกีฬาฟุตบอลในครั้งนี้ เป็นศิษย์เก่าจากสถาบันพระปกเกล้า แบ่งเป็น 2 ทีม คือ 1.) ทีมของหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 15 หรือทีม 4ส.15 และ 2.) ทีมหลักสูตรวุฒิบัตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือทีม 4ส.ใต้ ร่วมกิจกรรมกีฬาฟุตบอล และกิจกรรมสันทนาการ




นายวิทวัศ ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า / ประธานกรรมการหลักสูตรวุฒิบัตรการเสริสร้างสังคมสันติสุข พร้อมผู้อำนวยการหลักสูตร ,อาจารย์ประจำหลักสูตร และผู้มีเกียรติทุกท่าน
นายวิทวัศ กล่าวว่า กระผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลสานสัมพันธ์ “4ส.15 และ 4ส.ใต้” ของสถาบันพระปกเกล้า ในวันนี้ ขอแสดงความชื่นชมหลักสูตรวุฒิบัตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้เห็นประโยชน์การจัดกิจกรรมกีฬา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้มีสุขภาพพลานามัย แข็งแรง และสร้างความสามัคคีระหว่างรุ่น อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในหมู่คณะ อันเป็นผลดีต่อการพัฒนาสถาบันให้มีคุณภาพสืบต่อไป กองเชียร์ที่มีความพร้อมเพรียง นักกีฬาเข้มแข็ง ฝ่ายสนับสนุนที่ร่วมมือร่วมใจกัน แสดงให้เห็น ถึงศักยภาพของการจัดการที่มีประสิทธิภาพ
จึงขอให้ทุกท่านได้เก็บภาพความประทับใจนี้ ไว้เป็นความ ทรงจำและประสบการณ์ที่ดี ขอขอบคุณ หน่วยงาน องค์กร และผู้มีอุปการะคุณที่ช่วยเหลือ สนับสนุนในการจัดการแข่งขัน กีฬาฟุตบอลสานสัมพันธ์ “4ส.สิบห้า และ4ส.ใต้” ในโครงการการศึกษาดูงานครั้งที่ 4 (สามจังหวัด ชายแดนภาคใต้) หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 15 กระผมหวังเป็น อย่างยิ่งว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ทุกประการ ขณะนี้เป็นเวลาอันสมควรแล้ว กระผมขอเปิดการแข่งกีฬาฟุตบอลสานสัมพันธ์ “4ส.สิบห้า และ4ส.ใต้” ของสถาบันพระปกเกล้า ณ บัดนี้






















ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นการแข่งขันกีฬาฟุตบอล "สานสัมพันธ์ 4ส.15 กทม. และ 4ส.ใต้" ทางคณะได้เดินทางต่อไปยัง โรงแรมอิมพีเรี่ยล จังหวัดนราธิวาส และทาง 4ส.ใต้ ได้รับเกียรติจาก 4ส.15 เข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่น ในการศึกษาดูงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกันนั้นได้ถือโอกาส จัดพิธีอำลา นายวิทวัศ ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เนื่องในปีนี้ ท่านเกษียณอายุราชการ จึงขออวยพรให้ท่านได้มีสุขภาพพลานามันที่แข่งแรง สามารถสร้างคูณประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติต่อไป








ต่อมา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2568 เวลา 12:00 น. เครือข่ายรวมพล 4 ส.กลาง/ใต้ ได้จัด Meeting โดยมีการพบปะสัมพันธ์พี่น้องระหว่างรุ่น ทั้ง 4ส.กลาง และส-4ส.ใต้ ทุกรุ่น โดยมีผู้เข้าร่วม ประมาณ 100 คน ซึ่งมีตั้งแต่รุ่นแรก จนถึงรุ่นปัจจุบัน ณ ห้องเรือนชบา จวนผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี
ในการจัดพบปะครั้งนี้ มีนางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่จบหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข 4ส.กลาง มาต้านรับและกล่าวพบปะ พูดคุย แนะนำตัว ทำความรู้จักเพื่อนพี่ๆน้องๆ ระหว่างรุ่น บรรยากาศเป็นด้วยความอบอุ่น ฉันท์ครอบครัว 4ส.สถาบันพระปกเกล้า






ทั้งนี้ทาง เครือข่ายรวมพล 4ส.ใต้ มีแผนจัดงาน Mitting รวมพลฅน 4 ส.ใต้ ทั้งหมด 7 รุ่น 200 คน วัตถุประสงค์ของการจัดงาน -เชื่อมโยงการทำงานเพื่อการแก้ปัญหาสันติสุขชายแดนภาคใต้ -สร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า ภาคใต้และภาคกลาง -แลกเปลี่ยนบทบาทและประสบการณ์ของนักศึกษาจากแต่ละพื้นที่ แต่ละหน้างาน -สร้างเครือข่ายนักศึกษาที่ร่วมขับเคลื่อนสันติสุขในพื้นที่อย่างเป็นระบบ คาดว่าจะจัดขึ้นปลายเดือนกันยายนนี้ ทั้งนี้ทีมงานอยู่ระหว่างการประชุม และประสานผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในส่วนรายละเอียดอยู่ระหว่างการดำเนินการ




ในขณะเดียวกัน วันดังกล่าว ทางผู้สื่อข่าว มีโอกาสสัมภาษณ์ นศ.4ส.กลาง รุ่น 15 ซึ่งเป็นรุ่นปัจจุบัน ที่เดินทางมาศึกษาดูงานในพื้นที่ชายแดนใต้
นายไฟศาล มะหะหมัด นักศึกษา หลักสูตร 4 ส.กลาง (กทม.)รุ่น15 ปัจจุบันเป็น กรรมการ/เลขานุการ รร.มิฟตาฮุ้ลอุลูมิดดีนียะห์ (บ้านดอน)/ที่ปรึกษา จุฬาราชมนตรี ซึ่งเป็นคนกรุงเทพฯ กล่าวว่า ในนามหลักสูตรสร้างเสริมสังคมสันติสุขสถาบันพระปกเกล้า 4ส.รุ่น15 ในโอกาสมาดูงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 14-17 สิงหาคม 2568
เพื่อศึกษาดูงานเริ่มจากจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นจังหวัดเคยลงมาสัมผัสบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะมาท่องเที่ยวก็เป็นเมืองที่น่าอยู่ เหตุการณ์ไม่สงบ ไม่ได้เห็น แต่ที่ทางหลักสูตรจัดให้เราได้ลง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นในเมือง แต่ก็ไม่ได้ไปในพื้นที่ที่เป็นสีแดง แต่ก็มีเพื่อนได้พาลงในพื้นที่ขัดแย้งบ้าง
เรื่องความขัดแย้ง อย่างผมเองได้ทำงานได้เห็นผู้ใหญ่ทำงานในตลอดระยะเวลาก่อนปี 47 ในช่วงที่มีการเผาโรงเรียนหลายแห่ง เราก็ติดตามสถานการณ์มาตลอด โดยเฉพาะการศึกษามันเป็นเรื่องของการที่เราไม่เข้าใจวัฒนธรรมของท้องถิ่นในวิถีมลายู ในโรงเรียน ซึ่งในขณะนั้นภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพระพุทธรูป ,การร้องเพลงสรรเสริญ เราก็อยู่ในวงที่แก้ปัญหาจุดนี้ด้วย ก็เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ผมสนใจเรื่องความขัดแย้งในภาคใต้
เพื่อจะสื่อถึงสังคมสันติสุข จึงได้มีโอกาสมาเรียนในหลักสูตรของ 4ส.15 ก็ทำให้เรามีความเข้าใจมากขึ้น ว่าความขัดแย้งที่มันเกิด มันไม่ได้เกิดตอนเผาโรงเรียน มันมีรากฐานของมันและได้มีโอกาสไปดูงานนอกเหนือจากที่สถาบันจัดไว้ ได้พบกับท่านคุณหมอเพชรดาว โต๊ะมีนา และผมเองก็ได้เคยมีความคุ้นเคยกับคุณพ่อ ท่านเด่น โต๊ะมีนา ก็เลยถือโอกาสมาเยี่ยมท่านด้วย ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้มีการจัดวันครบรอบ 71 ปี (หะยีสุหลง โต๊ะมีนา)การถูกบังคับให้สูญหาย ผมก็ได้รับรู้เรื่องราวจากพื้นที่จริงซึ่งก่อนหน้านั้นผมก็ได้รับรู้เรื่องราวอยู่แล้วบ้างมากพอสมควร



ในวันนั้นมีก็พารุ่นเดียวกัน ตามไปด้วยประมาณ 30 คน ก็ทุกคนก็รู้สึก ภาพที่ออกมา กับที่เรียน ทุกอย่างมันก็จะเป็นข้อมูลให้เราได้ไปทำงาน เพื่อนำเสนอ ส่งต่อสถาบันฯว่า สิ่งที่เรามาพบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับในห้องเรียนที่เราเรียนกับวิทยากรที่สถาบันฯเชิญมา มันมีข้อมูลอะไรที่มันตรงกันหรือขัดแย้งกันอย่างไร ในส่วนที่ตรงกันเค้าก็จะต่อยอดว่า ข้อมูลระหว่างที่เราลงภาคใต้กับข้อมูลที่เราได้จากผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ มันตรงกัน หรือข้อมูลตรงไหนที่มันไม่ตรงกันเราก็ต้องหาความจริง ต้นตอของปัญหา
การลงพื้นที่ครั้งนี้ เราได้เห็นพื้นที่จริง ได้รับทราบถึงปัญหาจริง ก็ดีใจที่ได้รับการตอบรับจากคนในพื้นที่เป็นอย่างดี

ความคาดหวังว่าภาคใต้จะสงบเกิดสันติสุขอย่างไร?
นายไฟศาล มะหะหมัด ให้ความเห็นว่า วันนี้เราได้มาเห็นเครือข่ายของ 4ส.ใต้ ด้วย ซึ่งดูแล้วมีเข้มแข็งพอสมควร แม้แต่จะเพิ่งเริ่มเพียงไม่กี่รุ่น ผมสัมผัสเห็นความขัดแย้งที่เริ่มต้นจากเหตุเผาโรงเรียนแล้วผมก็ศึกษาย้อนประวัติศาสตร์ไปแล้ว จนถึงปัจจุบัน ผมเห็นความหวังว่าสันติสุขจะเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าเราได้รับความจริงใจได้รับนโยบายจากผู้นำ ไม่ว่าผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาหรือผู้นำระดับต่างๆในพื้นที่ จะเชื่อชาติใด ศาสนาใด ที่อยู่รวมกัน เราคนไทยทั้งหมด ถ้ารัฐมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาและมีนโยบายที่จริงจังและก็การร่วมมือกันระหว่างภาครัฐภาคประชาชนและภาคประชาสังคม ไม่เฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น คนไทยทุกคนและเราก็ช่วยการสื่อสารในบริบทว่าเราอยู่ด้วยความหลากหลาย ตั้งแต่ภาคใต้จนถึงภาคเหนือสุด เราอยู่กันเป็นคนไทยเป็นพี่น้อง หรือว่าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อาจจะดูเป็นมลายูจ้า ในมุมมองของบางคน แต่ว่าสิ่งที่เราเห็นคือวิถีชีวิตของเขาเราต้องยอมรับวิถีชีวิตซึ่งกันและกัน ยอมรับความเป็นมนุษย์ ความเป็นคนเหมือนกัน และความจริงใจในการแก้ปัญหาสันติสุขเกิดขึ้นแน่นอน

ด้านนายแวดาโอะ แวดือเระ ผู้รับใบอนุญาต รร.จงรักสัตย์วิทยา ปัตตานี หนึ่งในนักศึกษา 4ส.กลาง (กทม.) กล่าวว่า เหตุผลที่ได้เลือกลงศึกษาในระดับประกาศนียบัตร หลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุขรุ่นที่ 15 4ส.ใหญ่ ซึ่งต้องไปเรียนที่กรุงเทพฯ ต้องเดินทางไกล ก็ต้องมีความตั้งใจมากขึ้นลงทุนมากขึ้น เพื่อที่จะไปเรียนรู้ในสถาบันพระปกเกล้าหลักสูตรชั้นสูงในการเสริมสร้างสังคมสันติสุขรุ่นที่ 15
ซึ่งเป็นตัวผลักดันเราที่เราต้องค้นคว้าพยายามให้มากที่สุด เพราะว่าเราต้องลงทุนเยอะ ต้องเดินทางไกล ลงทุนทั้งเวลาทั้งทรัพย์สิน แล้วก็ทุกอย่าง ซึ่งแน่นอนที่สุด "เรามีความเชื่อเหลือเกินว่า เราลงทุนเยอะเราน่าจะได้เยอะ และแน่นอนที่สุดเราก็ไม่ผิดหวัง" เราไปที่โน้นได้เจอเพื่อนร่วมรุ่น ประมาณ 90 คน ซึ่งมีคนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการ ,หน่วยความมั่นคง,ส.ต.ง. , DSI ,และมีเพื่อนที่อยู่ในวงการการศึกษา เป็นคณะบดี จากหลายมหาวิทยาลัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ม.ราชภัฏ ม.จุฬา และก็นักธุรกิจ มันมีหลากหลายมาก ถือว่าเป็นโอกาสที่เราได้ทำความรู้จักแล้ว สนิทสนมแล้ว และก็จะมีความร่วมมือในการสร้างเสริมสังคมสันติสุขได้มากที่สุด
ในขณะ เดียวกันเราก็หวังว่าเราได้พบกับเพื่อนต่างถิ่น ต่างศาสนา ต่างวัฒนธรรม แล้วก็จะได้เข้าใจรู้สึกลึกมากขึ้น ว่าทางใต้สิ่งที่เขาฟังจากข่าว สิ่งที่เขาได้ดูในจอทีวี สิ่งที่เขาได้ยินจากคนเล่า มันเป็นอีกแบบนึง แต่เวลาสัมผัสเราจริงๆ เวลาเรามีงานในกลุ่มเขาก็จะรู้ว่า เราเป็นคนอย่างไร ขณะเดียวกันเวลาคุยกัน ก็จะถามว่า อย่างโน้นอย่างนี้อย่างนั้น เราก็สามารถที่จะอธิบายตามสภาพที่เราได้ประสบ จากประสบการณ์จริง จากคนที่อยู่ในพื้นที่จริง ว่าเป็นอย่างไร
ซึ่งแน่นอนที่สุดการเรียนในห้องเรียนมันเป็นทฤษฎี มันเป็นการฟัง การเล่าเท่านั้นเอง และที่สำคัญเราได้มีการศึกษาดูงาน ทั้ง 4 ภาค แล้วก็จะเห็นความหลากหลาย ที่สำคัญที่สุดทางสถาบันฯ บังคับต้องลงมาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง 90 คน ประมาณ ครึ่งหนึ่งของห้องร่วมรุ่น ไม่เคยลงใต้เลย เพราะด้วยความกลัว มาถึงก็แค่หาดใหญ่เท่านั้นเอง
แต่พอมาลง3จังหวัด มาซาอัลลอฮ ทุกอย่าง ครั้งแรกที่เข้ามา รร.จงรักษ์สัตย์วิทยา ทุกคนมีความแฮปปี้ มีความตื่นเต้น มีความรู้สึกที่ดี มีการเปิดมายเซต อย่างชัดเจน เขาได้เห็นสภาพนักเรียนเป็นยังไง ตั้งแต่เด็กระดับ อนุบาล ประถม มัธยม เป็นยังไง และหลังจากนั้นจะมีการสะท้อนกัน มีการพูดคุย ซึ่งหลายๆคนด้วยกัน จะพูดว่าส่วนใหญ่จะคุยกันเรื่องอดีต แต่เราไป จรว.เราจะเห็นเด็กนักเรียน เด็นอนุบาล ประถม มัธยม เราจะนึกถึงอนาคตของเขาข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาเราคิดแต่ว่า จะทำยังไงให้เศรษฐกิจดี จะทำยังไงให้อยู่ร่วมกัน สร้างความเจริญในพื้นที่ เป็นสิ่งที่เขาจะต้องมาช่วยกัน เพื่อนๆที่มาครั้งนี้ ได้ดูการศึกษา ซึ่งเป็นอัตลักษณ์/เอกลักษณ์ของชุมชนในพื้นที่
เขาจะได้เข้าใจมากขึ้น ว่าทำไมบ้านเรามี2ระบบ ทั้งศาสนา สามัญ การศึกษาบ้านเรามันเป็นพื้นที่พิเศษ ได้ดูการศึกษาในระบบปอเนาะ การศึกษานอกระบบ จะได้เข้าใจว่า ฐานของการศึกษาแบบปอเนาะดั้งเดิมเป็นอย่างไร ได้ดูโปรแกรมที่เราจัดการศึกษา เขาได้รู้ว่า รร.เอกชน ได้จัดการศึกษาเพื่อที่จะยกระดับคุณภาพของสังคมอย่างไร
ถึงแม้ว่าเราจะได้อุดหนุนจากรัฐบาล ได้เป็นงบขั้นพื้นฐาน แต่สิ่งที่เราทำมามันมากกว่านั้น ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ เขาก็พูดตรงกันว่า เราทำเพื่อช่วยในการยกระดับการศึกษา เราทำงานเพื่อชาติ ขณะเดียวกันก็ได้ดูเรื่องเศรษฐกิจ ไปดูล้งทุเรียน ไปดูการจัดการเทศบาลนครยะลา ซึ่งเป็นเทศบาลที่ถูกออกแบบการพัฒนาเมืองได้ดีมาก มองข้ามความไม่สงบ เพื่อนๆบอกว่า ไปดูเทศบาลยะลา แล้วลืมไปเลยว่ามีความไม่ปกติ ไม่สงบในพื้นที่บ้านเรา เพราะว่า นายกฯ พร้อม ทีมบริหาร ได้คุยด้านพัฒนา พัฒนา พัฒนา ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีมาก แล้วก็ไปดีที่ศรีกาเด็ง(ขุนละหาร) ซึ่งเป็นประเพณีวัฒนธรรมโบราณ ชาวมลายูตั้งแต่ดั้งเดิม
สรุปแล้ว 4ส.รุ่น 15 ของเรา ได้เรียนภาคทฤษฎีแล้วก็ได้ไปดูในพื้นที่จริง เห็นสภาพจริง ก็มีความเข้าใจ บริบทความเป็นอยู่มากขึ้น และก็จะเห็นได้ว่า จริงๆแล้วทางใต้เรา มีทรัพยากรที่คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรบุคคล ทรัพยากรธรรมชาติ และก็อีกหลายๆอย่าง สามารถที่จะต่อยอดกันได้ มีเพื่อนหยอกกันหลายคน เพื่อนที่เป็นนักธุรกิจ ที่อยู่ภาคกลาง เขาว่า น่าจะมาซื้อที่ดิน มาทำธุรกิจแถวนี้ ก็เป็นสัญญาณที่ดี เพราะเราเป็นเครือข่ายแล้ว
โดยเฉพาะวันนี้ เราก็ได้มีการพบปะกัน ระหว่าง 4ส.ใต้ และตัวแทน 4ส.ภาคกลาง สิ่งต่างๆข้อมูลเหล่านี้ เราสามารถที่จะเชื่อมโยง มาพัฒนาให้เป็นรูปธรรมกันมากขึ้น สุดท้ายต้องขอบคุณ สถาบันพระปกเกล้า ขอบคุณทาง อาจารย์ คณะผู้บริหารหลักสูตร แล้วก็ท่านผู้ว่าฯปัตตานี ซึ่งเป็นรุ่นพี่ 4ส.ของเราด้วย ที่ให้การต้อนรับพวกเรา ซึ่งทั้งหมดเป็นบรรยากาศเชิงบวก แล้วก็หวังซะเหลือเกินว่า ด้วยความตั้งใจของพวกเราทุกคน และพลังที่เรามีของ "4ส.กลาง และ 4ส.ใต้" มันไม่ใช่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ที่เราจะเสริงสร้างสังคมของเราให้เป็นเหมือนชื่อ ที่ว่า "PATANI DARUSSALAM นั้นก็หมายความว่า ปาตานีเมืองแห่งสันติสุข"








#ข่าว #เครือข่ายนักศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข #สถาบันพระปกเกล้า #ส่วนกลาง #จังหวัดชายแดนภาคใต้ #ThePoligensNews