
เมื่อ(28 ก.ค. 68) ที่ ห้องประชุมพระนราภิบาล ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส แห่งที่ 2 ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นำส่วนราชการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ปฏิบัติการเชิงรุก ขานรับนโยบายรัฐบาล"No Drugs No Dealers" ยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสอย่างเป็นรูปธรรม โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอทุกอำเภอ และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมจำนวนมาก
จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีลงนาม"ปฏิญญารวมพลัง ยับยั้งปัญหายาเสพติด จังหวัดนราธิวาส " ระหว่างจังหวัดนราธิวาสและสำนักงานอัยการจังหวัดนราธิวาส เพื่อแสดงพลังและคำมั่นสัญญาอย่างเป็นทางการว่าจะไม่ยอมให้ยาเสพติดมีที่ยืนในพื้นที่ฯอีกต่อไป โดยดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อให้ผู้ปฏิบัติในจังหวัดนราธิวาสได้ดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรม

ขณะที่รัฐบาลมีการตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัด ภายใน 3 เดือนนี้ หมู่บ้านและชุมชนที่มีปัญหายาเสพติด จะต้องเริ่มแก้ไขปัญหาวางกลไกของชุมชนและประกาศตนเป็นหมู่บ้านชุมชนปลอดยาเสพติด อย่างจริงจังและยั่งยืน ด้านว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ตามที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ได้มอบนโยบาย “120 วัน ปราบพืชกระท่อม”
โดยจังหวัดนราธิวาสขับเคลื่อนต่อ ซึ่งวันนี้ได้มีการตรวจปัสสาวะข้าราชการทุกคนที่เข้าร่วมประชุม เพื่อที่จะบอกว่าเราต้องกวาดบ้านตัวเองก่อน แล้วก็ทำตัวเป็นแบบอย่าง ซึ่งนอกเหนือจากนี้ เราก็มีการลงนามปฏิญญาร่วมกับส่วนราชการทุกภาคส่วน ที่ขานรับนโยบายของรัฐบาลไปป้องปรามและปราบปรามปัญหายาเสพติดในพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาส

ซึ่งในเบื้องต้นก็ได้กำชับทั้งในส่วนของฝ่ายปราบปราม อาทิ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ให้มีการบูรณาการในการเข้มงวดกวดขัน โดยนำฐานข้อมูลเดิมที่เรามีอยู่ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้า ผู้เสพ เราจะต้องดำเนินการให้หมดสิ้นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะต้องให้เสร็จสิ้นภายใน 3 เดือนนี้ และในเรื่องของการบำบัดผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น ซึ่งที่แล้วมาเราทำกันมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะผ่านมินิธัญญารักโรงบาลธัญญารักษ์ โรงพยาบาลธัญญารักษ์ ซึ่งเราเป็นหนึ่งใน 10 จังหวัดที่จะต้องขับเคลื่อนเรื่องของการกวาดล้างยาเสพติด โดยตอนนี้มีผู้ที่รอกระบวนการบำบัดรักษาอยู่ประมาณ 1,000 กว่าคน ที่จะเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาเราก็ได้มีการกระจายไปยังโรงบาลต่างๆในการขยายเตียง เพื่อที่จะดำเนินการ
นอกจากนี้หลังจากเข้าสู่กระบวนการของธัญญารักษ์ แล้ว ซึ่งได้มีการถอนพิษยาไปแล้ว เรามีนราโมเดล ซึ่งเราทำมา 2 รุ่น โดยรุ่นแรกเราสามารถที่รับมา 36 คน สามารถทำให้คนหลุดพ้นจากยาเสพติดได้โดยสิ้นเชิง 20 คนเราไม่เพียงแค่ทำให้หลุดพ้นจากยาเสพติดแต่เราทำให้เขามีอาชีพ ทำให้เขามีรายได้ แล้วอีก 10 กว่าคนนั้น เรายังมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งนอกเหนือจากนี้เราจะให้เขาให้ข้อมูลที่สำคัญ เพื่อที่จะไปดำเนินการให้ถึงผู้ค้าได้ที่ไหนอย่างไร เพราะเขารู้ว่าผู้ค้าอยู่ตรงไหนและกลุ่มผู้เสพอยู่ตรงไหน แล้วหลายคนที่บำบัดรักษาแล้วไม่หายขาด เพราะเขาบอกว่าไม่อยากกลับบ้าน เพราะกลับไปแล้วรู้ว่ายาอยู่ตรงไหน แล้วเพื่อนเขาอยู่ตรงไหน ซึ่งทางเราก็ได้เอาข้อมูลเหล่านี้มาเพื่อจะวางแผนในการแก้ไขปัญหาให้หมดสิ้น ซึ่งหลายพร้อมที่จะเลิก แต่ว่าเราจะทำอย่างไรให้สิ่งแวดล้อมที่ล่อแหลมและเป็นอันตรายกับเขาให้หมดสิ้นไป


ส่วนนโยบายของรัฐบาลในการปราบเรื่องของผู้ค้ากระท่อมผิดกฎหมาย มีการต้มน้ำกระท่อมโดยมีส่วนผสมของยาแก้ไอ โค้กเป๊ปซี่ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ให้จับกุมทันที และในส่วนของการน้ำซึ่งไม่มีส่วนผสมอย่างอื่นเลยเราก็กำชับว่าถ้าอยู่บริเวณด้านหน้าสถานศึกษาหรือมีเด็กเยาวชนมั่วสุมเราต้องจัดการให้ออกไปนอกพื้นที่ และยังได้มีการกำชับดูแลเส้นทางไม่ว่าจะเป็นแขวงทางหลวง ทางท้องถิ่น ซึ่งเรามีจำนวนและข้อมูลทุกอำเภอว่ามีจำนวนร้านค้าขายน้ำกระท่อมพืชกระท่อมอยู่จำนวนเท่าไหร่ เราก็จะได้ดำเนินการเพื่อป้องปรามและแก้ไขปัญหาสำหรับผู้กระทำผิดต่อไป









ในส่วน ศป.ปส.อำเภอเมืองนราธิวาส ลงพื้นที่สุ่มตรวจปัสสาวะเจ้าหน้าที่รัฐ สร้างความมั่นใจโปร่งใส ปลอดยาเสพติด ขานรับนโยบายรัฐบาล “No Drugs No Dealers” เดินหน้าตรวจเข้มต่อเนื่องเพื่อสังคมปลอดยาเสพติด
เมื่อ (30 ก.ค. 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้วยศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอเมืองนราธิวาส (ศป.ปส.อ.เมือง) ลงพื้นที่ดำเนินการสุ่มตรวจปัสสาวะเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อป้องกันและปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติด รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าหน่วยงานรัฐปลอดจากยาเสพติดอย่างแท้จริง ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายโครงการมหาดไทยสีขาว สร้างพื้นที่ปลอดภัย หยุดยั้งยาเสพติด (Safe Zone No Drugs) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันมิให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกรูปแบบ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสัมฤทธิ์ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย


โดยการสุ่มตรวจในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามมาตรการเชิงรุก โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า เพื่อให้ผลการตรวจเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยใช้ชุดตรวจสารเสพติดเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้น ผลการตรวจเบื้องต้นไม่พบสารเสพติดในร่างกายของเจ้าหน้าที่ที่เข้ารับการตรวจแต่อย่างใด ซึ่งการสุ่มตรวจดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ในการขับเคลื่อนพื้นที่ปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน ภายใต้นโยบาย “No Drugs No Dealers” โดยดำเนินการตรวจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาชน โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินมาตรการเข้มงวดทั้งในด้านการตรวจสอบและการป้องกัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนสังคมปลอดยาเสพติดอย่างแท้จริง
ด้านนางดวงพร คงใหม่ ผู้อำนวยส่วนบริหารการศึกษาเทศบาลเมืองนราธิวาส กล่าวว่า เทศบาลเมืองนราธิวาสได้ร่วมกับ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอเมืองนราธิวาส ได้รับประสานขอร่วมมือตรวจปัสสาวะพนักงานเทศบาลพนักงานลูกจ้างของเทศบาล บุคคลภายนอกที่จ้างเหมาซึ่งมีทั้งหมด 817 คน แบ่งเป็นภาคเช้าและภาคบ่าย ซึ่งผลตรวจมาแล้วซึ่งไม่พบผู้ติดสารเสพติดถือเป็นโอกาสอันดี ถ้าพบเจอทางอำเภอจะเป็นผู้ดำเนินการในส่วนของตรงนี้รับผิดชอบในการอาจมีการไปบำบัดยาเสพติดในส่วนของเทศบาลเองถ้าตรวจเจอก็จะขัดคุณสมบัติของพนักงานอยู่แล้วก็ต้องดำเนินการเป็นการขันตอนต่อไป




#ข่าว #ยาเสพติด #จังหวัดนราธิวาส #ปฏิบัติการเชิงรุกตรวจปัสสาวะในส่วนราชการ #NoDrugsNoDealers #ThePoligensNews
