สิทธิมนุษยชน/มนุษยธรรม/ระห่างประเทศ/ไทย-จีน/อุยกูร์
โดย Adil Siripatana
เรื่องของซินเจียงอุยกูร์กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งในปีนี้ หลังจากรัฐบาลไทย ลักลอบกลางดึกกลางดื่นส่งตัวชาวอุยกูร์ที่หนีการกวาดล้างทางวัฒนธรรมของจีนกลับจีน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่น่าอับอายยิ่ง
วันนี้ ทราบข่าวหลังจากที่รัฐบาลไทย ได้เดินทางไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่โดนส่งกลับไปซินเจียง โดยการควบคุมอย่างเข้มงวดจากจีน ผมก็ได้ข่าวว่าทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตอบโต้ท่าน ส.ส. กัณวีร์ ที่โจมตีรัฐบาลในประเด็นนี้อย่างต่อเนื่อง ว่าเป็นมุสลิมหรือ รู้หรือไม่ว่าบางพื้นที่มุสลิมอุยกูร์ไม่สวมฮิญาบ ผมเลยขอใช้โอกาสนี้ ย้อนอดีตนิดนึงครับ ย้อนไปแค่ประมาณไม่เกินทศวรรษ ตอนนั้นผมพาครอบครัวและลูกตัวน้อยไปเที่ยวซินเจียง เพราะถือเป็นความฝันของผมมาตั้งแต่เด็กๆ ที่จะไป document ชาติพันธุ์มุสลิมโพ้นทะเลทรายเอเชียกลางที่กำลังจะสูญพันธุ์ ท่านทวีกล่าวว่า มุสลิมที่นั่นหลายพื้นที่ไม่สวมฮิญาบ ในความเป็นจริงแล้ว คือปัจจุบัน การสวมผ้าคลุมผมถูกทำให้เป็นเรื่องผิดกฎหมายครับ และประมาณสิบปีที่แล้ว เป็นช่วงสุดท้ายที่เราจะได้เห็นคนซินเจียงคลุมหัวได้
เพราะตั้งแต่สิบปีที่แล้ว รัฐบาลจีนมีการวางจุดค้นตรวจทุกที่ในเมืองหลักๆของซินเจียง และตั้งด่านตรวจทุกที่ทางเข้าออกมลรัฐแห่งนี้ ชาวซินเจียงอุยกูร์ต้องเข้าแถวยาวเหยียดทุกด่าน แล้วต้องถอดผ้าคลุมอย่างน่าอัยอายเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทั้งชายและหญิงอาวุธครบมือเชยชมเวลาจะผ่านด่านตรวจ ทุกเช้าทหารจีนจะกวาดต้อนคนอุยกูร์มานั่งเข้าแถวเคารพธงชาติ สั่งนั่นนี่ การจับตัวคนซินเจียงเข้าค่ายกักกัน ทำกันทุกคืน การเอากองทหารมาเดินสวนสนามกลางเมืองแบบอุรุมชี ทำทุกวัน ทั้งหมดเพื่อค่อยๆทำลายวัฒนธรรมอย่างเป็นระบบ ถ้าใครไปเที่ยวซินเจียง ณ วันนี้ จะไม่เห็นคนคลุมหัวไว้เคราเป็นเรื่องปกติอีกแล้วครับ
ให้ภาพมันเล่าเรื่องครับ
ขอบคุณบทความ จาก FB.Adil Siripatana