

7 ธันวาคม 2567 นางสาวลม้าย มานะการ
ประธานสมาคมสภาประชาสังคมชายแดนใต้ ได้เปิดเผยว่า หลังจากเครือข่ายภาคประชาสังคมชายแดนใต้ได้ลงพื้นที่และทำเวทีถอดบทเรียน(ออนไลน์) ถึงบทเรียน วิกฤตน้ำท่วมใหญ่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งนี้ จึงได้ทำหนังสือ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร
“ข้อเสนอการจัดการสถานการณ์มหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ พฤศจิกายน 2567” ดังนี้
#ข้อเสนอถึงนายกรัฐมนตรีจากสมาคมสภาประชาสังคมชายแดนใต้
เรื่อง ข้อเสนอการจัดการสถานการณ์มหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ พฤศจิกายน 2567
เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร
ด้วยสถานการณ์มหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สมาคมสภาประชาสังคมชายแดนใต้จึงขอเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อการจัดการสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ดังนี้
1. การตอบสนองวิกฤติ (Response Phase)
ข้อค้นพบ
1. การสื่อสารในช่วงวิกฤติยังขาดความครอบคลุมและความชัดเจน ทำให้ประชาชนไม่ได้รับข้อมูลที่เพียงพอและทันท่วงที
2. มีการทำงานที่ไม่ประสานกันระหว่างหน่วยงานรัฐและภาคประชาสังคม
3. กลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก สตรี และผู้พิการ มักขาดการเข้าถึงความช่วยเหลือที่เหมาะสมในสถานการณ์ภัยพิบัติ
4. ไม่มีระบบหรือกลไกเฉพาะที่คำนึงถึงความต้องการพิเศษของกลุ่มดังกล่าวในแผนการจัดการภัยพิบัติ
ข้อเสนอ
1. จัดตั้งศูนย์สื่อสารภัยพิบัติแบบรวมศูนย์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว และหลากหลายช่องทาง เช่น SMS วิทยุชุมชน และสื่อออนไลน์
2. พัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีเพื่อการแจ้งเตือนภัยและการประสานงาน เช่น แอปพลิเคชันที่สามารถรายงานสถานการณ์น้ำท่วมและสถานะความช่วยเหลือได้แบบเรียลไทม์
3. จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม (Child-Friendly & Inclusive Spaces) ในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อดูแลเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และคนพิการ
4. จัดทีมอาสาสมัครที่ผ่านการฝึกอบรมเกี่ยวกับการดูแลกลุ่มเปราะบางให้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ประสบภัย
5. จัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วม (War Room) ที่ผสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาสังคม และสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือและจัดการสถานการณ์ภัยพิบัติอย่างเป็นระบบและบูรณาการ
2. การฟื้นฟูและลดผลกระทบ (Recovery & Mitigation Phase)
ข้อค้นพบ
1. การระบุพื้นที่ผู้ประสบภัยล่าช้าและขาดการใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่เหมาะสม
2. การประสานงานระหว่างหน่วยงานไม่เป็นระบบ ทำให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่เหมาะสม
ข้อเสนอ
1. ใช้เทคโนโลยีเช่น โดรน และแผนที่ดิจิทัล เพื่อสำรวจพื้นที่ประสบภัยและช่วยระบุลำดับความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือ
2. สร้างกลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาสังคม และเอกชน โดยแบ่งปันทรัพยากรและข้อมูลร่วมกัน
3. จัดทำฐานข้อมูลเฉพาะสำหรับเด็ก สตรี และคนพิการ เพื่อประสานการช่วยเหลือที่เหมาะสม เช่น การส่งมอบยา เวชภัณฑ์ และบริการพิเศษในพื้นที่ภัยพิบัติ
4. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในศูนย์พักพิงให้เหมาะสมกับการใช้งานของคนพิการ เช่น ทางลาด ห้องน้ำที่เข้าถึงได้
3. การเตรียมพร้อมและลดความเสี่ยง (Preparedness & Risk Reduction Phase)
ข้อค้นพบ
1. ขาดระบบการเตือนภัยที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ
2. ขาดความรู้ในชุมชนเกี่ยวกับการรับมือภัยพิบัติ
ข้อเสนอ
1. ขยายระบบการเตือนภัยให้ครอบคลุมและเหมาะสมกับทุกกลุ่ม เช่น การแจ้งเตือนผ่าน SMS และการใช้วิทยุชุมชน พัฒนาระบบการแจ้งเตือนที่มีการปรับแต่งข้อความให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น การแจ้งเตือนด้วยเสียงสำหรับคนพิการทางสายตา หรือการใช้ SMS และสัญญาณภาพสำหรับคนพิการทางการได้ยิน
2. จัดทำหลักสูตรการรับมือภัยพิบัติในโรงเรียนและชุมชน โดยร่วมมือกับองค์กรภาคประชาสังคม
3. จัดทำแผนการฝึกซ้อมอพยพและอบรมการรับมือภัยพิบัติที่เหมาะสมสำหรับเด็ก สตรี และคนพิการ โดยเน้นการสื่อสารที่เข้าใจง่าย เช่น การใช้ภาพประกอบหรือภาษามือ
4. รวมตัวแทนจากกลุ่มเด็ก สตรี และคนพิการเข้าร่วมในคณะกรรมการหรือกลไกการวางแผนจัดการภัยพิบัติ
5. ใช้สื่อที่หลากหลาย เช่น การ์ตูน แอนิเมชัน หรือการบรรยายเสียง สำหรับเด็กและคนพิการทางสายตา เพื่อให้พวกเขาเข้าถึงข้อมูลการเตือนภัย
ข้อเรียกร้องเพิ่มเติม
1. สนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรเพื่อพัฒนาระบบตอบสนองภัยพิบัติให้มีความยั่งยืน
2. เปิดโอกาสให้กลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก สตรี ผู้พิการ และเยาวชน ได้มีส่วนร่วมในการวางแผนและดำเนินการจัดการภัยพิบัติ
สมาคมสภาประชาสังคมชายแดนใต้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่านายกรัฐมนตรีจะพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนและการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน
ขอแสดงความนับถือ
(นางสาวลม้าย มานะการ)
ประธานสมาคมสภาประชาสังคมชายแดนใต้
7 ธันวาคม 2567
สภาประชาสังคมชายแดนใต้ ข้อเสนอถึงนายกรัฐมนตรี พฤศจิกายน 2567



